ต้องบอกก่อนว่า… งานเขียนหรือ quote ต่างๆ ของหกสิงหา ไม่ได้มาลอยๆ แบบไร้เบื้องหลัง แต่ละเรื่องมีบริบทและความรู้สึกจากสิ่งที่สัมผัสรอบตัว และมากที่สุดจากเรื่องราวที่หลายๆ คนส่งไลน์มาเล่าให้อ่าน (LINE ID: @hoksingha อย่าลืมเติม @ ครับ) บาง quote ก็มีความแรงเพราะอารมณ์ตอนนั้นแรง แต่ไม่เคยทิ้งการแฝงให้คนอ่าน “ฉุกคิด” แต่จะฉุกคิดแบบจิกหัวขึ้นมา หรือแบบเอามือลูบแก้มก็อีกเรื่อง…
ในการเป็นนักเขียนแบบหกสิงหา ที่เริ่มต้นจาก text (ข้อความ) กับความไม่มีตัวตนมาสู่การเป็นนักเขียนพ็อกเก็ตบุ๊ก (เล่มแรก คลิก) จึงทำให้เกิดการสื่อสารเพิ่มเพื่อทำความเข้าใจกับ “คนอ่าน” มากขึ้น (ส่วนคนที่ไม่อยากจะเข้าใจ ก็เรื่องของเขา) โดยเริ่มมีการใช้ Facebook Live (Facebook.com/hoksingha/videos) และคลิปเสียง (soundcloud.com/hoksingha) มาเป็นตัวช่วยอธิบายความคิดและความรู้สึกของตนเอง เพื่อจะได้ “เข้าใจตรงกัน”
มี quote หนึ่งที่เขียนไว้นานแล้วในเฟซบุ๊กเพจ ไม่น่าจะต่ำกว่าปี พยายามหาใน Google แต่ก็ไม่เจอ คืออยากหาต้นฉบับที่ตัวเองเขียนไว้ ก็เลยทำภาพขึ้นมาโดยผ่านแอปทวิตเตอร์ (ดังภาพข้างบน, ส่วนที่เซ็นเซอร์ไว้คือคำว่า “ร่าน” หรือถ้าให้ซอฟต์ลงก็คือ “หว่าน” แล้วแต่พฤติกรรมของคนๆ แต่ละคน)
“โสด” ในความหมายของหกสิงหา
ในท่อน A (กรอบสีแเดง) ที่ผมเขียนแบบนั้นเพราะผม “แค่รู้สึก” ว่า “โสด” ในแบบนั้นมันไม่ได้โสดจริงๆ หรือโสดเพียวๆ สำหรับผมคำว่า “โสด” คือ โสดทั้งหัวใจและกาย แต่คำว่า “โสด” ตามความหมายทั่วไปคือ การยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสหรือหมั้นหมายกัน, ผมคิดว่า “โสดในแบบหกสิงหา” คือ ความโสดที่ไม่น่ากลัวเพราะเขาโสดจริงๆ ไม่ได้มีใจให้คนอื่นอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งถ้าเขามีใจให้คนอื่นสักคน (ไม่ว่าจะมีใจเล็กๆ หรือใจที่ให้ไปมากๆ) แล้วสามารถมีใจให้คนที่สอง… สาม… สี่… ได้อีก อาจจะเรียกคนๆ นั้นว่า “คนหลายใจ” ได้นะครับ
สำหรับผม, คำว่า “โสด” (โดยสถานะทั่วไป) แต่ “ใจมีใครแล้ว” มันก็ไม่ต่างอะไรกับ “คนที่หัวใจไม่ว่างแล้ว” จึงไม่ควรเข้าไปยุ่งหรือไปยุ่งกับใคร มันเหมือนคล้ายๆ สปิริตอ่ะ (ไม่รู้จะใช้คำว่าอะไรแทน) แต่ใครจะยุ่งหรือให้โอกาสอีกคนไปยุ่งกับคนอื่นได้ด้วย แล้วแทนความหมายว่าการทำแบบนี้คือ “แฟร์ๆ” ก็แล้วแต่กรอบความคิดของคนๆ นั้น (และคนที่เข้ามาจีบ) ครับ
ก็ยังไม่ได้เป็นแฟนนี่
คนเราสามารถบอกว่า “คิดถึงนะ, เป็นห่วงนะ, ฝันดีนะ” (เจตนาเชิงชู้สาว) กับหลายคนที่มาจีบพร้อมกัน (หรือไปหว่านเอง) แล้วอ้างคำว่า “ก็ยังไม่ได้เป็นแฟน” ได้ด้วยเหรอ?? ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่คุ้นเคยอะไรแบบนี้ คนอื่นจะคุ้น… ก็เรื่องของเขานะ แต่สำหรับผม, ผมชอบคุยทีละคน จบไปเป็นคนๆ ไม่รีบ… ไม่กลัวคาน… ผมอยากศึกษาคนแบบละเอียดรอบคอบ ถ้าให้ดูทีเดียวหลายๆ คนพร้อมกัน ผมไม่เก่งขนาดนั้น และผมรู้สึกว่า “ความรัก” มันงดงามเกินกว่าจะทำเหมือนเลือกพ่อพันธุ์หรือแม่พันธุ์ให้ตัวเอง ต้องเลือกที่ดีที่สุด พอใจที่สุด ไปพร้อมๆ กับการแบ่งใจไปมากมาย ผมไม่คุ้นเคยอะไรแบบนี้ คนอื่นจะคุ้น… ก็เรื่องของเขานะ แต่ที่เขียนบล็อกนี้ขึ้นมาก็เพื่อแสดงทัศนะต่อเรื่องนี้ เผื่อว่าจะมีคนคิดแตกต่างหรือเห็นด้วยและมีเหตุผลให้เราอ่านแล้วได้มองมุมใหม่ๆ
การที่ผู้หญิงคนหนึ่งคุยกับผู้ชายคนหนึ่งแบบชู้สาว แล้วก็ยังไปกับผู้ชายอีกคน ผู้ชายคนแรกเขาจะรู้สึกดีเหรอ? เมื่อเขามีผู้หญิงที่ตัวเองชอบไปกับผู้ชายคนอื่น, มันเป็นสิทธิ์ของคุณ ไม่ผิดหรอก… แต่มันดูเหมือนเล่นกับความรู้สึกคนอื่น (ผู้ชายคนแรก)
ส่วนท่อน B (กรอบสีน้ำเงิน) เป็นข้อความเชิงเตือนว่า คุณจะใช้ตรรกะอะไรในชีวิตก็ได้ แต่ตรรกะที่เอาความรู้สึกของคนที่เข้ามาในชีวิตคุณมา “เล่น” มันคงไม่ดีหรอก แต่ก็นะ… บางเรื่องมันเป็นความละเอียดอ่อนของการเอาใจเขามาใส่ใจเรา ก็อยู่ที่ความคิดและทัศนคติของคนๆ นั้นแหละ ว่าเขากำลังอยากมีความรัก หรือแค่อยากมีคนแก้เหงา, แต่มันแปลกมั้ยล่ะ… เมื่ออยากมีความรักแต่ก็เอาความรู้สึกเขามาล้อเล่นแล้ว… เหมือนคุณไม่ได้รักเขาตั้งแต่ตอนนี้ซะแล้ว (หาก “รัก” คือความหวังดี, ความบริสุทธิ์ใจ ฯลฯ)
อาจมีข้อแย้งว่า “ก็ใครมันจะไปรักกันตั้งแต่วันแรกล่ะ?” เรื่องนี้เป็นความจริงครับ ถ้าไม่นับเรื่อง “รักแรกพบ”, การสร้างความสัมพันธ์หรือตกลงเดทกับใครก็แล้วแต่ แม้เราไม่ได้รักแบบ 100% แต่ถ้ามันให้ใจไป 0.1% มันก็คือความผูกพันที่เกิดขึ้นแล้ว คุณจะไม่ให้ค่ากับความรู้สึกตรงนี้แล้วเหยียบมันเดินก้าวไปหาคนอื่นๆ อีกเหรอครับ?
สุดท้าย, เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของคนอ่านและคนที่มาจีบคนอ่าน เราต่างมีวิถีของตัวเองในการใช้ชีวิต เราต่างกันด้วยนิยามของคำว่า โสด, ความรัก, แฟน ฯลฯ แต่มันคงจะดี… ถ้าเราได้หันกลับมามองถึงความรู้สึกเล็กๆ… ความสัมพันธ์เล็กๆ ที่เพิ่งก่อร่างสร้างจากคนสองคน แม้ยังไม่ได้เรียกว่า “แฟน” ก็ตาม การมองผ่านไป… หรือจะถนอมมันไว้ อยู่ที่หัวใจของเราเอง
5 Comments
Leave your reply.