ความรักและความรอด เป็นสองเรื่องหลักในการมีชีวิตอย่างมีชีวา แม้มีเงินใช้เอาตัวรอดอย่างสบาย ๆ ในชีวิตประจำวัน แต่หันไปข้าง ๆ ไม่มีใครให้ระบาย ให้บ่น ให้เล่าความสำเร็จ ก็คงจะทำให้เราขาด “ชีวา” หรือความสดใสไปบ้างไม่มากก็น้อย
ตรงกันข้าม, แม้จะมีคนรักที่ดี แต่หน้าที่การงานไม่มั่นคง ก็ส่งผลต่ออนาคตของความรัก เพราะ “ความรักกินไม่ได้” โดยเฉพาะเมื่อความรักต้องอยู่ในสายตาของผู้หลักผู้ใหญ่ คำถามที่จะทำให้ฟังแล้วคิดหนักก็จะเกิดขึ้นเรื่อย ๆ เช่น ทำงานอะไรล่ะ? เป็นต้น
บางช่วงเวลา
คนเราสมหวังในหน้าที่การงาน
แต่ผิดหวังเรื่องความรัก
แต่อย่างน้อย…
ก็มีความมั่นคงของชีวิตที่จะดูแลใครอีกคนในวันหน้า
— Hoksingha | หกสิงหา (@hoksingha) February 29, 2016
บางช่วงเวลา
คนเราสมหวังในความรัก
แต่ผิดหวังเรื่องการงาน
แต่อย่างน้อยก็มีความรักเป็นแรงผลักดันให้สู้ต่อไป
— Hoksingha | หกสิงหา (@hoksingha) February 29, 2016
ความรักมีหลายวัย… วัยที่ดูจะซับซ้อนและใช้ความคิดมากกว่าวัยใด ๆ คือ วัยสร้างครอบครัว เพราะก่อนที่แฟนจะเริ่มสร้างครอบครัวกับเรา เขาก็มีครอบครัวของเขาอยู่ก่อนแล้ว มีพ่อ มีแม่ มีอากง อาม่า ปู่ย่าน้าอา ฯลฯ ไม่มีใครไม่รักและห่วงลูกหลานตัวเอง การจะปล่อยให้ “ไข่” ออกจาก “หิน” ถ้าบ้านใหม่ของไข่ไม่แกร่งมากพอ ก็เป็นเรื่องหินในทันที
หากอยากสร้างครอบครัวจริง ๆ เพราะรักใครสักคนเหลือเกิน การสร้างตนเองก่อนจึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างเด็ดขาด “ถ้าตัวเองยังยืนไม่มั่นคง จะเป็นเสาหลักให้ใครได้?” การพยายามสร้างความมั่นคงให้ตนเองโดยมีความรักเป็นเชื้อเพลิง มันเป็นเรื่องท้าทาย และสนุกกว่าการทำอะไรโดยไม่มีจุดหมาย แต่… ก็อย่าฝากความฝันกับคน ๆ นั้นไปทั้งหมด เก็บความรู้สึกยอมรับในความไม่แน่นอนของอนาคตเอาไว้บ้างก็คงจะดี เพราะวันหน้า… ความมั่นคงที่ได้มาพร้อมแล้ว เขาอาจไม่อยู่ตรงนั้นกับเราแล้ว…
หากความรักหายไปในความมั่นคงที่ก่อร่างสร้างสมมายาวนาน… ก็หันกลับมารักตนเองให้มากขึ้น รักพ่อแม่ รักคนที่ทำให้มีเราในทุกวันนี้ แม้ไม่สมหวังในความรัก แม้ผิดหวังในเรื่องงาน แต่อย่างน้อย ๆ ก็ยังมีคนคอยมองเราอยู่เสมอ คือ พ่อและแม่… แม้จะมองลงมาจากสวรรค์ก็ตาม
สำหรับผม, เรื่องงานและความรัก ณ ตอนนี้ ยังเป็นเรื่องเดียวกัน คือ ทำแต่งานที่ตัวเองรัก งานเป็นผู้ให้ความรักกับผมไปทุกวินาที เพราะเป็นงานที่เราชอบมากที่สุด เป็นงานที่เราอยากทำไปจนวันตาย นั่นคือ งานเขียน, ความเหงาเป็นสิ่งที่ทดสอบเราอยู่เสมอว่า เรารักในสิ่งที่ทำมากแค่ไหน? เพราะถ้ารักงานอย่างจริงจัง เราจะไม่อยากเสียเวลาแม้จะเดินออกจากห้องไปร้านอาหาร ไม่อยากจะนอน ไม่อยากทำอะไรนอกจากงาน จะรู้สึกว่า เวลาชีวิตไม่พอสำหรับจะทำงานที่ตัวเองรัก หางานนั้นให้เจอ… งานที่มีความรักในนั้นอย่างเหลือล้น แล้วจะเอาชนะความรู้สึกธรรมดา ๆ แบบคนธรรมดาได้มากขึ้น (คงไม่ชนะถาวรเพราะเรายังเป็นคนธรรมดากันอยู่)
ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ทำให้ความรักของผมมีความหมายนะครับ : )
7 Comments
Leave your reply.